1. ผลจากการสอบเทียบมาตรฐานทำให้เห็นความผิดพลาดที่แสดงบน
เครื่องมือวัด ระบบการวัด หรือวัสดุที่ใช้วัด หรือใช้กำหนดปริมาณ
บนสเกลของเครื่องมือวัด
2. การสอบเทียบมาตรฐานอาจจะใช้กำหนดคุณสมบัติทางมาตรวิทยาอื่นๆ
3. ผลการสอบเทียบมาตรฐานอาจบันทึกในรูปของ ใบรายงานผลการสอบ
เทียบ หรือใบรับรองผลการสอบเทียบ
4. ผลการสอบเทียบมาตรฐาน บางครั้งแสดงในรูปของ การค่าแก้ หรือ
Calibration Factor หรือ Calibration Curve
การเปรียบเทียบระหว่างเครื่องมือ หรืออุปกรณ์การวัด หรือมาตรฐานการวัดที่มีเกณฑ์ยอมรับแต่ยังไม่รู้คุณลักษณะด้านความแม่นยำ โดยเปรียบเทียบกับระบบมาตรฐานการวัดที่มีความสามารถ และรู้ค่าความไม่แน่นอนของการวัด เพื่อที่จะ ตรวจสอบ หาความสัมพันธ์ รายงาน หรือทำให้มีความแตกต่างน้อยที่สุดโดยการปรับแต่ง หรือการรายงานค่าปรับแก้ เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด ทั้งนี้รวมถึงการทำความสะอาดภายนอกเครื่องมือวัด การปรับแต่งย่อยๆ การสร้างหรือทบทวนตารางค่าแก้ เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์
(NCSL RP-3 p4)
ความสำคัญของการสอบเทียบมาตรฐานเครื่องวัด
เพื่อทำให้แน่ใจว่าเครื่องมือวัดยังสามารถให้ผลการวัดที่เป็นไป
ตามคุณลักษณะที่ต้องการ(มีค่าผิดพลาดไม่เกินเกณฑ์ยอมรับ)
เพื่อทำให้เกิดความสามารถสอบกลับได้ของผลการวัด
เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของมาตรฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้รู้ค่าปรับแก้ของเครื่องมือวัดที่รับการสอบเทียบ
เพื่อการยอมรับระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
เพื่อความเป็นธรรมทางการค้า
ฯลฯ
ความหมายของการสอบเทียบภายใน
การสอบเทียบภายใน (in-house calibration) หมายถึง การสอบเทียบซึ่ง ดำเนินการโดยองค์กรเอง กระทำภายในพื้นที่ของโรงงาน และใช้ทรัพยากรต่างๆ เช่น ใช้บุคลากร เครื่องมือมาตรฐาน วิธีการ ขององค์กร เพื่อให้เครื่องมือวัดที่จำเป็นต้องได้รับการสอบเทียบ ได้รับการสอบเทียบอย่างเหมาะสมตามที่กำหนด
( การจ้างหน่วยงานภายนอกมาสอบเทียบ ที่โรงงาน
จัดเป็น external calibration บางครั้งเรียก on site
calibration )
ลักษณะการสอบเทียบเครื่องวัดของโรงงานอุตสากรรม SMEs
รับบริการสอบเทียบเครื่องมือวัด จากห้องปฏิบัติการสอบเทียบ นอกองค์กร ( external calibration )
2. ดำเนินการสอบเทียบในองค์กรเอง ( in – house calibration )
ดำเนินสอบเทียบแบบผสม ทั้งรับบริการจากภายนอก และการ
ดำเนินการสอบเทียบเองภายในองค์กรเป็นบางส่วน
เกณฑ์ในการเลือกลักษณะของการสอบเทียบภายใน
1. ความพร้อมขององค์ประกอบการสอบเทียบภายในองค์กร
2. ความประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับ การสอบเทียบภายนอก
3. ความเสี่ยงต่อกิจการ อันเกิดจากการวัดผิด
องค์ประกอบของการสอบเทียบภายใน( ref. UKAS-TPS52)
จัดให้มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมต่อการสอบเทียบ
2. บุคลผู้สอบเทียบ และผู้ตรวจสอบการสอบเทียบได้รับการฝึกอบรม
อย่างเหมาะสม
3. มีอุปกรณ์มาตรฐานการวัด วัสดุมาตรฐานอ้างอิงที่ได้รับการรับรอง
เครื่องมือมาตรฐานอ้างอิง ต้องสามารถสอบกลับได้ถึง SI unit
และมีค่าความไม่แน่นอนของการวัดเหมาะสม ต่อการเป็นอุปกรณ์
มาตรฐานการสอบเทียบ
4. มีการจัดทำเอกสารแสดงขั้นตอนการสอบเทียบทุกประเภทที่ทำ
( calibration procedures )
5. มีแนวทางการบันทึกผลสอบเทียบ และการคำนวณผลที่เหมาะสม
6. มีวิธีการคำนวณค่าความไม่แน่นอนของการวัดในแต่ละงานสอบเทียบ
Down load UKAS TPS-52 จาก www.ukas.com ( ใน information center)
ความประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับ การสอบเทียบภายนอก
ค่าใช้จ่ายต่อจำนวนเครื่องวัด ระหว่างการสอบเทียบโดยหน่วยงาน
ภายนอก และสอบเทียบเองในองค์กร แบบใดสูงกว่ากัน
ค่าใช้จ่ายในการสอบเทียบจากภายนอก หาได้จากใบเสนอราคาของ
ห้องปฏิบัติการสอบเทียบจากภายนอก สำหรับแต่ละเครื่องมือวัดแล้วนำ
มารวมเป็นยอดรวมค่าสอบเทียบต่อปี
ค่าใช้จ่ายสำหรับการสอบเทียบภายนอก
1. ค่าใช้จ่ายต่อจำนวนเครื่องวัด ที่เรียกเก็บจากห้องปฏิบัติการสอบเทียบ
ภายนอก ติดโดยรวมค่าใช้จ่ายเครื่องมือวัดทุกเครื่องที่สอบเทียบ
2. ค่าเชื้อเพลิงในการขนส่งเครื่องมือวัดไปสอบเทียบ
ฯลฯ
ค่าใช้จ่ายสำหรับการสอบเทียบภายในองค์กร
1. ต้นทุนคงที่จากการลงทุนสร้างห้องปฏิบัติการสอบเทียบ
- ค่ากั้นห้อง ค่าระบบควบคุมสภาพแวดล้อม
- ค่าอุปกรณ์มาตรฐานการวัด
2. ค่าใช้จ่ายแปรผันระหว่างการให้บริการสอบเทียบภายในองค์กร
- เงินค่าตอบแทนพนักงานสอบเทียบ และผู้ตรวจสอบผลการสอบเทียบ
- ค่า calibrate อุปกรณ์มาตรฐานตามระยะเวลา
- ค่า ไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด
- ค่าซ่อมบำรุงเครื่องมือมาตรฐานการวัด
- ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาความสามารถ พนักงานสอบเทียบ ฯลฯ
0 comments:
Post a Comment